การ์ตูน มังงะ Storm Kajiki: The Tide of Rebellion

📌 ชื่อเรื่อง



Storm Kajiki: The Tide of Rebellion

(สตอร์มคาจิกิ : คลื่นกบฏ)


📌 แนวเรื่อง

  • แอ็กชัน แฟนตาซี / ไซไฟ / ดราม่า


📌 หมวด

  • การ์ตูน มังงะ (ดัดแปลงเป็นอนิเมะได้ในภายหลัง)


📌 ตัวละครหลัก

  1. Kajiki Arashi (カジキ 嵐) – ชายหนุ่มผู้รอดชีวิตจากการทดลองลับขององค์กร “Aegis Order” ทำให้ร่างกายเขาเชื่อมกับ “Storm Core” ควบคุมสายฟ้าและพายุได้

  2. Rinka Suiren (凛花 水蓮) – สาวนักรบผู้มาจากชนเผ่าโบราณ “Mizuho” ใช้หอกน้ำแข็งได้ เชื่อในชะตาที่ Kajiki คือกุญแจสู่การกอบกู้โลก

  3. Kurogane Haze (黒金 霞) – นักฆ่าที่เคยเป็นพี่เลี้ยงของ Kajiki มาก่อน มีแขนกลเหล็กและเทคนิคพลังควัน ใช้ชีวิตในเงามืด

  4. Erevos Seraphis (エレヴォス・セラフィス) – ตัวร้ายหลัก ผู้นำ “Aegis Order” ผู้ต้องการ Storm Core เพื่อควบคุมสภาพอากาศทั้งโลก


📌 จำนวนตอน (3 ตอนจบ)

EP1 : Awakening Tempest
คาจิกิหลบหนีออกจากห้องทดลองของ Aegis Order ร่างกายเริ่มไม่เสถียร เขาได้พบกับรินกะที่ช่วยให้เขาควบคุมพลังพายุได้ครั้งแรก

EP2 : Shadows of Betrayal
คาจิกิเผชิญหน้ากับคุโรกาเนะ พี่เลี้ยงเก่าที่ครั้งหนึ่งเคยสอนการต่อสู้ให้ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นศัตรู การต่อสู้เต็มไปด้วยความลังเลและบาดแผลทางใจ

EP3 : The Storm’s Requiem
คาจิกิและรินการ่วมกันบุกฐานหลักของ Erevos ศึกสุดท้ายของพลังสายฟ้าและน้ำกับเทคโนโลยีควบคุมพายุ โลกจะถูกกลืนโดยพายุหรือก่อเกิดอิสรภาพใหม่…


📌 เรื่องย่อ

ในโลกอนาคตที่สภาพภูมิอากาศถูกควบคุมโดยองค์กรลับ “Aegis Order” มนุษย์ถูกทำให้พึ่งพาเทคโนโลยีเพียงผู้เดียว แต่การทดลองเพื่อสร้างอาวุธชีวะล้มเหลว จนกำเนิด Kajiki Arashi เด็กหนุ่มผู้ถือครอง “Storm Core” ที่ทำให้เขาเป็นมนุษย์กึ่งเทพพายุ

คาจิกิกลายเป็นเป้าหมายการล่าและถูกตราหน้าว่าเป็น “ภัยพิบัติ” แต่เมื่อเขาได้พบกับ Rinka หญิงสาวผู้สืบเชื้อสายจากชนเผ่าที่เคารพธรรมชาติ ทั้งคู่จึงเริ่มการเดินทางเพื่อปลดปล่อยโลกจากการกดขี่

ศึกครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้กับองค์กรเท่านั้น แต่ยังเป็นการเผชิญหน้ากับความจริงในใจของคาจิกิ ว่าเขาจะเป็น “พายุทำลายล้าง” หรือ “สายลมแห่งอิสรภาพ”


EP1 : Awakening Tempest / Part 1

(ฉากเปิด – ห้องทดลองลับของ Aegis Order เต็มไปด้วยเสียงเครื่องจักร)

[บรรยาย]
เสียงเครื่องจักรคำรามดังก้องเหมือนสัตว์ร้ายที่หิวโหย สายไฟสีนีออนวิ่งพาดไปทั่วกำแพง ห้องทดลองที่ไร้หน้าต่างแห่งนี้คือ “กรงขัง” สำหรับสิ่งมีชีวิตที่พวกเขาเรียกว่า Storm Core Subject 07 – Kajiki Arashi
[Narration]
The machines roared like starving beasts. Neon cables ran across the walls. This windowless lab was a “cage” for what they called Storm Core Subject 07 – Kajiki Arashi.


นักวิทยาศาสตร์ Aegis : “ค่าพลังยังไม่เสถียร! ถ้าเกิน 200% อีกครั้ง ชั้นจะไม่รับผิดชอบนะ!”
Aegis Scientist : "The energy levels are unstable! If it exceeds 200% again, I won’t be responsible for the outcome!"

นักวิทยาศาสตร์อีกคน : “อย่าพูดมาก! พวกเบื้องบนต้องการผลลัพธ์ ไม่ใช่ข้อแก้ตัว!”
Another Scientist : "Shut up! The higher-ups want results, not excuses!"


(ในแท็งก์แก้วใส ร่างของ คาจิกิ นอนนิ่ง ดวงตาปิดสนิท แต่สายฟ้าเล็กๆ กำลังแล่นอยู่ใต้ผิวหนังของเขา)

[บรรยาย]
หัวใจของเขาเต้นแรง ราวกับพายุที่กำลังจะระเบิด เขาไม่ได้ฝัน เขากำลัง “จม” ลงในความมืด… แต่เสียงหนึ่งกระซิบเรียกชื่อเขา
[Narration]
His heart pounded like a storm about to erupt. He wasn’t dreaming—he was “sinking” into darkness… but a voice whispered his name.


เสียงปริศนา (ในหัวคาจิกิ) : “อาราชิ… ลืมตาขึ้น… พายุยังไม่สิ้นสุด”
Mysterious Voice (inside Kajiki’s head) : “Arashi… open your eyes… the storm has only begun.”


(ทันใดนั้น! แท็งก์แก้วแตกกระจาย ฟ้าผ่าเส้นเล็กวิ่งไปทั่วห้อง คาจิกิยืนขึ้นในสภาพร่างกายเปลือยเปล่า แต่เต็มไปด้วยพลังสายฟ้าแตกกระจายออกมา)

นักวิทยาศาสตร์ : “ไม่นะ! ระบบควบคุมล้มเหลวแล้ว!!”
Scientist : “No way! The control system has failed!!”

คาจิกิ (ตะโกนลั่น) : “ขังฉัน…เพื่ออะไร!? ฉันไม่ใช่เครื่องมือของใครทั้งนั้น!!!”
Kajiki (shouting) : “Lock me up… for what!? I’m not anyone’s tool!!!”


(เขากระโจนออกไปทางประตู เสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นทั่วฐาน)

เสียงระบบ AI : “Warning! Subject 07 has escaped containment! Deploy security units immediately!”
AI System Voice : “Warning! Subject 07 has escaped containment! Deploy security units immediately!”


(หุ่นยนต์รักษาการณ์จำนวนมากบุกเข้ามา ยิงกระสุนพลังงานใส่คาจิกิ แต่เขาเบี่ยงตัวหลบ สายฟ้าพุ่งออกจากมือโดยไม่ตั้งใจ!)

คาจิกิ : “เฮ้ย… ร่างกายฉัน… มันขยับเอง…!”
Kajiki : “What the—my body… it’s moving on its own…!”

หุ่นยนต์ : “Target confirmed. Engaging.”
Robot : “Target confirmed. Engaging.”

(สายฟ้าฟาดออกมาเป็นเส้น แรงจนหุ่นระเบิดกระจาย!)

คาจิกิ (ตกใจ) : “นี่…คือพลังของฉันงั้นเหรอ…?”
Kajiki (shocked) : “This… is my power…?”


(เขาวิ่งไปตามทางเดิน แสงไฟกะพริบ เสียงเตือนยังดังต่อเนื่อง ความเจ็บปวดแผ่ซ่านทั่วร่าง)

คาจิกิ : “อึก…ไม่ไหว…ถ้าออกไปไม่ได้…ฉันต้อง…ระเบิดแน่…”
Kajiki : “Ugh… I can’t… If I don’t get out… I’ll explode…”


(คัตไป – ภายนอก ฐานลับซ่อนในภูเขา พายุฝนเริ่มก่อตัวเหนือท้องฟ้า / ที่ป่าใกล้ๆ รินกะ กำลังล่าสัตว์ เธอหันมองท้องฟ้าที่หมุนวนผิดปกติ)

รินกะ (คิดในใจ) : “พายุแบบนี้…ไม่ใช่ธรรมชาติแน่นอน”
Rinka (thinking) : “A storm like this… it’s definitely not natural.”


(กลับมาที่คาจิกิ เขาฝ่าออกมาถึงทางออกประตูเหล็ก เสียงเครื่องกดทับเปิดประตูช้าๆ ขณะสายฟ้าแตกซ่านรอบตัวเขาเหมือนจะควบคุมไม่ได้)

คาจิกิ (กัดฟัน) : “ถ้าจะตาย…ขอตายในอิสระดีกว่าขังอยู่ในกรง!!”
Kajiki (gritting teeth) : “If I’m gonna die… I’d rather die free than locked in a cage!!”

(ประตูเหล็กเปิดออก—สายฟ้าฟาดฟ้าเปรี้ยง! คาจิกิก้าวออกมาสู่พายุใหญ่เป็นครั้งแรก…)

EP1 : Awakening Tempest (ตอนที่ 1 – จบ)

Part 2 – การพบกันของพายุและสายน้ำ

(ฉากเปิด – ป่าเขาด้านนอกฐานลับ ฝนตกหนัก ลมแรง พายุแปลกประหลาดปั่นป่วนไปทั่ว)

รินกะ : “ฟ้าผ่าไม่หยุด… พลังแบบนี้…มันคือสัญญาณ”
Rinka : “Thunder that won’t stop… This power… it’s a sign.”

(เธอจับหอกน้ำแข็งในมือแน่น มองไปทางภูเขา แล้วเงาของร่างหนึ่งก็ปรากฏท่ามกลางฝน)

คาจิกิ (โซเซ เดินออกมา) : “ฮ่า…ฮ่า…ไม่…ไหวแล้ว…”
Kajiki (staggering out) : “Hah…hah… I… can’t go on…”

(ร่างของเขามีพลังสายฟ้าปะทุออกไม่หยุด ร่างกายสั่น เหมือนจะระเบิด)

รินกะ (คิดในใจ) : “พลังของเขา…นี่มัน… Storm Core!”
Rinka (thinking) : “That power… it’s the Storm Core!”


คาจิกิ (ร้องออกมา) : “ออกไปให้พ้น…ใครก็ตามที่เข้ามาใกล้…จะถูกฆ่า…!”
Kajiki (yelling) : “Stay away… anyone who comes close… will be killed…!”

รินกะ : “ถ้าไม่ควบคุมพลัง นายก็จะตายอยู่ตรงนี้แน่!”
Rinka : “If you don’t control it, you’ll die right here!”

คาจิกิ : “ควบคุม…? ฮ่ะๆ…ฉันยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร!!”
Kajiki : “Control it…? Hah… I don’t even know what it is!!”


(รินกะพุ่งเข้ามา ใช้หอกน้ำแข็งปักลงพื้น เรียกสายน้ำเย็นไหลวนรอบคาจิกิ พลังสายฟ้าที่บ้าคลั่งค่อยๆ ถูกกักไว้)

คาจิกิ (ตกใจ) : “นี่เธอทำอะไร!?”
Kajiki (shocked) : “What are you doing!?”

รินกะ : “พลังของฉัน…น้ำ จะกลายเป็นกรงให้พายุสงบลงได้ชั่วคราว!”
Rinka : “My power… water. It can form a cage to calm your storm, for now!”

คาจิกิ (กัดฟัน) : “อึก…แต่ร่างกายฉัน…มันยังจะ…ระเบิด…”
Kajiki (gritting teeth) : “Ugh… but my body… it still wants to… explode…”

รินกะ : “ฟังเสียงฉัน…หายใจไปพร้อมกัน…พายุอยู่ในใจนาย ไม่ใช่ศัตรู”
Rinka : “Listen to my voice… breathe with me… The storm is inside you, not your enemy.”


(ภาพสลับเป็นจิตใจคาจิกิ – ทะเลพายุดำมืด ฟ้าแลบ เขายืนอยู่กลางน้ำวน)

คาจิกิ (คิดในใจ) : “นี่คือ…ข้างในฉัน…?”
Kajiki (thinking) : “This… is inside me…?”

(เสียงปริศนาที่เคยกระซิบดังขึ้นอีกครั้ง)

เสียงปริศนา : “อาราชิ…พายุไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อทำลาย…แต่เพื่อปลุกชีวิตใหม่”
Mysterious Voice : “Arashi… the storm was not made to destroy… but to awaken new life.”


(กลับสู่โลกจริง – คาจิกิหายใจช้าลง พลังฟ้าผ่าลดลงเหลือเพียงแสงวาบเล็กๆ รอบตัว เขาทรุดลงกับพื้น)

คาจิกิ (หอบ) : “ฉัน…ยังอยู่…?”
Kajiki (panting) : “I… I’m still alive…?”

รินกะ (ยิ้มเล็กน้อย) : “ใช่… เพราะฉันช่วยนายไว้ไง”
Rinka (smiling) : “Yes… because I helped you.”


Part 3 – จุดเริ่มต้นของพายุ

(ทั้งคู่พักในกระท่อมไม้เก่าๆ ที่รินกะใช้เป็นที่หลบภัย พายุด้านนอกยังโหมกระหน่ำ)

คาจิกิ : “เธอเป็นใครกันแน่…”
Kajiki : “Who exactly are you…?”

รินกะ : “ชื่อฉันคือรินกะ สืบเชื้อสายจากเผ่า Mizuho…ผู้พิทักษ์สมดุลของน้ำและฟ้า”
Rinka : “My name is Rinka, descended from the tribe Mizuho… guardians of the balance of water and sky.”

คาจิกิ : “Mizuho… เผ่านั่นยังมีอยู่จริง?”
Kajiki : “Mizuho… that tribe still exists?”

รินกะ : “เหลือไม่มาก… และฉันรู้ ว่านายคือ ‘Storm Kajiki’ กุญแจที่จะเปลี่ยนโลกนี้”
Rinka : “Not many remain… And I know, you are ‘Storm Kajiki’, the key to change this world.”


คาจิกิ (หัวเราะเบาๆ) : “กุญแจ? ฮ่ะ… ฉันยังแทบเอาตัวเองไม่รอดเลย”
Kajiki (chuckling) : “A key? Hah… I can barely survive myself.”

รินกะ (ยักไหล่) : “ก็นายยังไม่รู้จักตัวเองดีพอน่ะสิ”
Rinka (shrugging) : “That’s because you don’t know yourself well enough.”

(บรรยากาศเงียบไปครู่หนึ่ง ได้ยินเสียงท้องคาจิกิร้องดัง “กร๊อบกกก”)

คาจิกิ (หน้าแดง) : “เอ่อ…เสียงนั่น…ไม่ใช่พายุหรอกนะ”
Kajiki (blushing) : “Uh… that sound wasn’t the storm, okay?”

รินกะ (หัวเราะ) : “ฮ่าๆๆ นายก็แค่หิว! นี่ไง ข้าวปั้นปลาแห้งของฉัน”
Rinka (laughing) : “Haha! You’re just hungry! Here, dried-fish rice ball.”

คาจิกิ : “ข้าวปั้น…? หลังจากเกือบระเบิดตาย ฉันได้กินข้าวปั้นเนี่ยนะ…”
Kajiki : “Rice ball…? After nearly exploding, I get a rice ball… really…”


(ทั้งสองหัวเราะเบาๆ ราวกับพายุข้างนอกเริ่มสงบลง สัญญาณของมิตรภาพแรกเริ่มก่อตัว)

[บรรยายปิด EP1]
ท่ามกลางสายฝนที่ไม่หยุดตก เด็กหนุ่มผู้ถูกเรียกว่า “พายุ” และหญิงสาวผู้พิทักษ์สายน้ำ ได้โคจรมาพบกัน นี่คือจุดเริ่มต้นของโชคชะตาที่จะเขย่าโลกทั้งใบ
[Narration End of EP1]
Amidst the never-ending rain, the boy called “Storm” and the girl guarding the waters have crossed paths. This is the beginning of a destiny that will shake the entire world.


EP2 : Shadows of Betrayal
ฉากเปิด – กลางคืน, ป่าเงียบสงัด

(เสียงจิ้งหรีดร้อง ฝนเพิ่งหยุดตก ไอน้ำลอยคลุ้ง รินกะนั่งก่อไฟ ส่วนคาจิกินั่งพิงต้นไม้ เหม่อมองท้องฟ้ามีเมฆดำลอยวน)

รินกะ : “นายทำหน้าเหมือนหมาที่โดนฝนมาเลยนะ”
Rinka : “You look like a wet dog that just got caught in the rain.”

คาจิกิ (หันขวับ) : “หา!? เธอเรียกพระเจ้าพายุแบบฉันว่า ‘หมา’ งั้นเหรอ!?”
Kajiki (snapping) : “Huh!? Did you just call the storm god himself a ‘dog’!?”

รินกะ (หัวเราะ) : “ก็หมาจริงๆ นี่ เดินโซเซเหมือนจะตาย หิวก็ตาลอย แถมยังส่งเสียง ‘กร๊อบกกก’ อยู่เลย”
Rinka (laughing) : “Well, you are like one. Staggering around, starving, and your stomach keeps going ‘growl growl.’”

คาจิกิ (หน้าแดง) : “อ-อย่าพูดเรื่องท้องร้องอีกนะ!!”
Kajiki (blushing) : “D-Don’t bring up the growling again!!”


ฉากตัด – กลางเงามืดของป่า

(ร่างสูงใหญ่ในเสื้อคลุมดำก้าวออกมา เงาของแขนเหล็กส่องประกาย เขาคือ Kurogane Haze)

คุโรกาเนะ : “ยังเหมือนเดิมเลยนะ… อาราชิ”
Kurogane : “You haven’t changed at all… Arashi.”

คาจิกิ (ชะงัก) : “ค-คุโรกาเนะ…!?”
Kajiki (shocked) : “K-Kurogane…!?”

รินกะ (จับหอกแน่น) : “เขาเป็นใคร นายรู้จักเขาเหรอ?”
Rinka (gripping her spear) : “Who is he? You know him?”

คาจิกิ (เสียงต่ำ) : “…เขาเคยเป็นครูสอนการต่อสู้ให้ฉัน…มาก่อน”
Kajiki (low voice) : “…He used to be my mentor… once.”


การเผชิญหน้า

คุโรกาเนะ : “นายโตขึ้นมาก… แต่ก็ยังอ่อนเหมือนเดิม ฉันจำได้ว่าเคยบอกไปว่า ‘อย่าใช้หัวใจกับการต่อสู้’ …แต่นายก็ยังไม่ฟัง”
Kurogane : “You’ve grown… but still weak. I told you before: ‘Never use your heart in battle’… yet you never listened.”

คาจิกิ (กัดฟัน) : “เพราะฉันไม่อยากกลายเป็นเครื่องจักรสังหารเหมือนนาย!”
Kajiki (gritting teeth) : “Because I don’t want to become a killing machine like you!”

คุโรกาเนะ (หัวเราะเย็น) : “แล้วดูตอนนี้สิ นายกลายเป็น ‘อาวุธที่สมบูรณ์แบบ’ ของ Aegis ไปแล้ว”
Kurogane (cold laugh) : “And look at you now… you’ve become Aegis’ perfect weapon.”


ฉากต่อสู้เริ่มต้น

(คุโรกาเนะพุ่งเข้ามา แขนกลฟาดพื้นจนดินระเบิด คาจิกิถอยหลังพร้อมฟ้าผ่าปะทุรอบตัว)

คาจิกิ : “ถ้าต้องสู้… ฉันก็จะสู้!!”
Kajiki : “If I have to fight… then I’ll fight!!”

(ฟ้าผ่าฟาดลงกลางสนาม รินกะรีบหลบไปด้านข้าง ปล่อยให้ทั้งสองปะทะกันตรงๆ)

รินกะ (คิดในใจ) : “แรงปะทะนี่…ไม่ใช่การฝึกธรรมดาแล้ว!”
Rinka (thinking) : “That force… this isn’t a simple spar anymore!”


การปะทะเต็มกำลัง

(คุโรกาเนะใช้แขนกลชกใส่ คาจิกิยกมือขึ้น สายฟ้าฟาดปะทะจนเสียงดังสนั่น!)

คุโรกาเนะ : “ยังลังเลเหมือนเดิม! ถ้าลังเลอีก นายจะตาย!”
Kurogane : “Still hesitating! If you keep it up, you’ll die!”

คาจิกิ (กัดฟัน) : “ฉันไม่อยากฆ่าใคร…โดยเฉพาะคนที่เคยสอนฉัน!”
Kajiki (gritting teeth) : “I don’t want to kill anyone… especially the one who once taught me!”

คุโรกาเนะ (คำราม) : “โลกนี้ไม่มีที่ให้คนใจอ่อนหรอก อาราชิ!!”
Kurogane (roaring) : “There’s no place for softhearted fools in this world, Arashi!!”

(แขนกลของคุโรกาเนะเปลี่ยนเป็นปืนพลัง ยิงแสงออกมา คาจิกิหลบแล้วสวนกลับด้วยสายฟ้า ฟาดเข้ากับโลหะจนเกิดประกายสว่างจ้า)


ช่วงมุกเบรคเครียด

(ท่ามกลางการต่อสู้ จู่ๆ คาจิกิสะดุดรากไม้ ล้มหน้าคว่ำ)

คาจิกิ (เจ็บ) : “โอ๊ยยยยย! รากไม้นี่มันหักหลังฉันรึไง!?”
Kajiki (in pain) : “Ow ow ow!! Did this tree root just betray me too!?”

คุโรกาเนะ (ชะงัก หัวเราะออกมาเล็กน้อย) : “ฮึ…ยังตลกได้สินะ ถึงตายก็ยังเป็นเด็กอยู่ดี”
Kurogane (pauses, chuckles a bit) : “Hmph… still joking, huh. Even facing death, you’re still just a kid.”


จุดพีคของการต่อสู้

(คาจิกิยันตัวลุกขึ้น ดวงตาส่องแสงสายฟ้า เขาเปลี่ยนท่าทีเป็นจริงจัง)

คาจิกิ : “ฉันอาจจะยังอ่อน…แต่ฉันจะไม่ใช้อาวุธเพื่อทำร้ายหัวใจของฉันอีก!”
Kajiki : “I may still be weak… but I won’t use my weapon to hurt my own heart again!”

(เขากำมือ ฟ้าผ่าแตกออกทั่วทั้งสนาม พลังครั้งนี้ไม่ใช่บ้าคลั่งเหมือนเดิม แต่คงเส้นคงวา ควบคุมได้มากขึ้น)

รินกะ (ตะโกน) : “ใช่แล้ว! นี่แหละ พลังของนายที่แท้จริง!”
Rinka (shouting) : “Yes! That’s it! This is your true power!”


(การปะทะสุดท้าย – คุโรกาเนะชกด้วยแขนกล, คาจิกิปล่อยสายฟ้าเต็มกำลัง ทั้งสองพลังชนกันจนเกิดระเบิดพลังกลางป่า)

(ฝุ่นควันจางลง คาจิกิยืนหอบ ร่างของคุโรกาเนะทรุดลง แต่ยังยิ้มจางๆ)

คุโรกาเนะ (เสียงเบา) : “ในที่สุด…นายก็โตจริงๆ แล้ว…อาราชิ”
Kurogane (weak voice) : “At last… you’ve really grown… Arashi.”

คาจิกิ (ตกใจ) : “คุโรกาเนะ…!?”
Kajiki (shocked) : “Kurogane…!?”

คุโรกาเนะ : “อย่าหยุดนะ…เพราะเส้นทางต่อจากนี้…มืดกว่าที่นายคิด”
Kurogane : “Don’t stop now… because the path ahead… is darker than you think.”

(เขาล้มลงกับพื้น เงาดำจาก Aegis drones บินเข้ามาเก็บร่างไปในความมืด)


(คาจิกิยืนเงียบ มือกำแน่น รินกะเดินเข้ามาแตะไหล่)

รินกะ : “เขายังห่วงนายอยู่ แม้จะเป็นศัตรูแล้วก็ตาม”
Rinka : “He still cared about you, even as your enemy.”

คาจิกิ (น้ำเสียงสั่น) : “ฉันจะไม่ปล่อยให้การทรยศนี้สูญเปล่า… ฉันจะหาความจริงจาก Aegis ให้ได้!”
Kajiki (voice trembling) : “I won’t let this betrayal be in vain… I’ll uncover the truth from Aegis!”

(กล้องเงยขึ้นสู่ท้องฟ้าที่พายุยังหมุนวนไม่หยุด เสียงสายฟ้าดังก้อง ราวกับประกาศว่าพายุของคาจิกิ เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น)

[บรรยายปิด EP2]
ในความมืดแห่งการทรยศ แสงแห่งพายุเพิ่งเริ่มส่องประกาย
[Narration End of EP2]
In the darkness of betrayal, the storm’s light has only just begun to shine.


EP3 : The Storm’s Requiem
ฉากเปิด – ฐานหลัก Aegis Order

(กล้องแพนลงมาที่เกาะกลางทะเล พายุหมุนปั่นป่วน แสงไฟสีแดงของเครื่องจักรล้อมรอบ ฐานใหญ่เหมือนปราสาทเหล็ก)

รินกะ (พึมพำ) : “นี่แหละ…รังของมัน”
Rinka (muttering) : “So this is… their nest.”

คาจิกิ (หายใจแรง) : “ใจเต้นเหมือนจะหลุดอก…แต่ถ้าไม่ทำตอนนี้ โลกก็จบแน่”
Kajiki (breathing heavily) : “My heart feels like it’s gonna explode… but if I don’t do this now, the world’s finished.”

รินกะ (ยิ้มเล็ก) : “งั้นเรามาตายด้วยกันสิ”
Rinka (grinning) : “Then let’s die together.”

คาจิกิ (สะดุ้ง) : “เฮ้ย! อย่าพูดให้มันน่ากลัวแบบนั้นสิ!!”
Kajiki (shocked) : “Hey! Don’t say it like that!!”


การบุกทะลวง

(คาจิกิกับรินกะพุ่งเข้าประตูเหล็ก หุ่นยนต์การ์ดบุกเข้ามาเต็มไปหมด)

คาจิกิ (ยกมือขึ้น) : “Lightning Burst!!”
Kajiki (raising his hand) : “Lightning Burst!!”

(สายฟ้าฟาดเป็นคลื่นกวาดหุ่นล้มกระจาย)

รินกะ (หมุนหอกน้ำแข็ง) : “Tidal Pierce!!”
Rinka (spinning her ice spear) : “Tidal Pierce!!”

(สายน้ำพุ่งแทงทะลุกำแพง เปิดทางข้างใน)

คาจิกิ : “ฮ่า! เรานี่ทีมเวิร์กสุดยอดจริงๆ!”
Kajiki : “Ha! We’re the ultimate team-up!”

รินกะ (ยักไหล่) : “ใช่…ยกเว้นตอนที่นายสะดุดล้มเองนะ”
Rinka (shrugs) : “Yeah… except when you trip over yourself.”

คาจิกิ (หน้าแดง) : “เธอจะไม่เลิกล้อเรื่องนั้นจริงๆ ใช่มั้ย!?”
Kajiki (blushing) : “You’ll never let that go, will you!?”


การปรากฏตัวของ Erevos

(ประตูห้องควบคุมเปิดออก เงายักษ์ในเกราะสีดำยืนอยู่ ดวงตาสีแดงสว่างจ้า เขาคือ Erevos Seraphis)

Erevos : “Storm Core… และบุตรแห่ง Mizuho… ยินดีต้อนรับสู่จุดจบของโลก”
Erevos : “Storm Core… and the child of Mizuho… welcome to the end of the world.”

คาจิกิ (ขมวดคิ้ว) : “แก…คือ Erevos”
Kajiki (frowning) : “You… you’re Erevos.”

Erevos (ยกมือขึ้น) : “ฉันคือผู้ถือครอง Aeon Engine เทคโนโลยีที่จะควบคุมท้องฟ้า แทนที่ธรรมชาติอันโง่เขลา!”
Erevos (raising his hand) : “I am the bearer of the Aeon Engine, the technology that will control the skies… replacing foolish nature!”


ศึกสุดท้ายเริ่มต้น

(เครื่องจักรยักษ์ด้านหลัง Erevos เปิดตัว “Storm Regulator” ควบคุมพายุหมุนทั้งโลก ฟ้าแลบสว่างจ้า)

รินกะ (ตะโกน) : “ถ้าสำเร็จ โลกจะถูกดูดกลืนไปกับพายุไม่มีวันจบ!”
Rinka (shouting) : “If he succeeds, the world will be swallowed by an endless storm!”

คาจิกิ : “งั้นก็เหลือแค่ทำลายมัน!”
Kajiki : “Then we just have to destroy it!”


การต่อสู้ – พลังปะทะเทคโนโลยี

(Erevos ยิงลำแสงสายฟ้าเทียมออกมา คาจิกิยกมือขึ้นปะทะ แต่พลังถูกกลืน)

คาจิกิ (ตกใจ) : “มัน…ดูดสายฟ้าของฉันไป!?”
Kajiki (shocked) : “It’s… absorbing my lightning!?”

Erevos (หัวเราะ) : “พลังของนายคือเชื้อเพลิงให้เครื่องจักรฉันต่างหาก ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
Erevos (laughing) : “Your power is fuel for my machine! Hahaha!”


รินกะ (กัดฟัน) : “ถ้าไฟฟ้าถูกดูดไป…งั้นฉันจะถล่มมันด้วยน้ำ!!”
Rinka (gritting teeth) : “If it absorbs lightning… then I’ll drown it with water!!”

(รินกะปล่อยคลื่นน้ำมหาศาลซัดใส่ Storm Regulator เครื่องเริ่มช็อตเป็นประกาย)

คาจิกิ (หัวเราะ) : “ฮ่า! ไฟฟ้ากับน้ำ…จับคู่กันดีจริงๆ!”
Kajiki (laughing) : “Ha! Lightning and water… perfect combo!”

รินกะ (เหล่มอง) : “อย่ามาเล่นมุกตอนนี้นะ นายกำลังจะตายอยู่แล้ว!”
Rinka (glaring) : “Don’t joke now, you’re about to die!”


การตัดสิน

(คาจิกิรวบรวมพลังครั้งสุดท้าย ดวงตาเปล่งประกาย ฟ้ารอบตัวหมุนรวมเป็นหอกสายฟ้า)

คาจิกิ (คำราม) : “นี่คือ… Storm Requiem!!!
Kajiki (roaring) : “This is… Storm Requiem!!!

(เขาพุ่งใส่ Erevos ฟาดสายฟ้าลงพร้อมคลื่นน้ำของรินกะ พลังทั้งสองประสานกันระเบิดใส่ Storm Regulator)

(แสงมหาศาลปกคลุมทั้งเกาะ เครื่องจักรแตกกระจาย พายุที่หมุนวนทั่วโลกค่อยๆ สงบลง)


ฉากหลังการต่อสู้

(คาจิกิล้มลงนั่งหอบ รินกะเดินมาพยุง)

คาจิกิ (หอบ) : “พายุ…หยุดแล้วจริงๆ ใช่ไหม…?”
Kajiki (panting) : “The storm… it really stopped… right?”

รินกะ (ยิ้ม) : “ใช่ นายทำได้แล้ว อาราชิ”
Rinka (smiling) : “Yes. You did it, Arashi.”

คาจิกิ (หัวเราะเบาๆ) : “ฮ่า…งั้น…ข้าวปั้นปลาแห้งอีกสักชิ้นก็คงดี…”
Kajiki (chuckling) : “Ha… then maybe… another dried-fish rice ball sounds nice…”

รินกะ (หัวเราะ) : “ยังจะคิดถึงแต่กินอีกนะ!”
Rinka (laughing) : “You’re still thinking about food!?”


ฉากจบ – บทสรุป

(ท้องฟ้าค่อยๆ สดใส แสงอาทิตย์ส่องลงมาแทนที่พายุ เด็กหนุ่มผู้เป็นพายุ และหญิงสาวผู้เป็นสายน้ำ ยืนเคียงกัน)

[บรรยายปิดเรื่อง]
พายุครั้งนี้มิใช่เพื่อนำพาความพินาศ แต่เพื่อชำระโลกให้เกิดอิสรภาพใหม่
[Narration End]
This storm was not to bring ruin… but to cleanse the world and bring new freedom.

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น