มังงะ Apocalypse Bringer Mynoghra สัญญาณสุดท้ายแห่งความสิ้นหวัง

🌑 ชื่อเรื่อง (TH/ENG)

Apocalypse Bringer Mynoghra: สัญญาณสุดท้ายแห่งความสิ้นหวัง
Apocalypse Bringer Mynoghra: The Final Signal of Despair




⚔️ แนว (Genres)

  • ดาร์กแฟนตาซี / ไซไฟ / หลังโลกล่มสลาย
  • ลึกลับ / ปรัชญา / จิตวิทยา


📚 หมวด

มังงะ (Manga)
สามารถต่อยอดเป็นอนิเมะหรือนิยายภาพได้


🧬 ตัวละครหลัก

Itaqua Mynoghra (อิทาควา มายนอกห์รา)

ชายลึกลับผู้ถูกเรียกว่า “ผู้นำหายนะ”
มีพลังในการกลืนกินความจริงและเปลี่ยนกฎของโลก
พูดด้วยถ้อยคำประหลาดราวกับไม่ใช่มนุษย์
ว่ากันว่าเป็น "เศษเสี้ยวจากจักรวาลก่อนเกิดเวลา"

Lira Kystelle (ลิร่า ไคสเตล)


หญิงสาวผู้รอดชีวิตจากหายนะและค้นหาความจริง
อดีตนักวิจัยด้านประสาทเทียม
มีความสามารถในการเชื่อมต่อจิตใจกับสิ่งเหนือธรรมชาติ

Solon Draumir (โซลอน ดราวเมียร์)


หุ่นชีวภาพที่มีสติสัมปชัญญะคล้ายมนุษย์
ถูกสร้างขึ้นเพื่อยับยั้งมายนอกห์รา แต่เริ่มตั้งคำถามกับ “หน้าที่” ของตัวเอง


🕰️ จำนวนตอน: 3 ตอน (จบแบบจิตวิญญาณลึกซึ้ง)

ตอนที่ 1: เสียงเพรียกจากจักรวาลมืด

การปรากฏตัวของมายนอกห์ราได้สั่นสะเทือนโครงสร้างของโลกที่เหลืออยู่ โลกกำลังเข้าสู่ภาวะล่มสลายโดยไม่มีใครเข้าใจสาเหตุ

ตอนที่ 2: ภาพลวงที่เรียกว่าความหวัง

ลิร่าตามหาคำตอบเกี่ยวกับอดีตของโลก และพบกับโซลอน การเดินทางทั้งสามสู่แหล่งกำเนิดของมายนอกห์ราเริ่มต้นขึ้น

ตอนที่ 3: โลกที่ไร้ชื่อ

เผยความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับมายนอกห์รา โลก และจุดจบของการมีอยู่ ลิร่าต้องเลือกระหว่างทำลายหรือสานต่อ "คำสัญญาแรกสุด" ของเผ่าพันธุ์มนุษย์


🧩 เรื่องย่อ

ในโลกที่ล่มสลายอย่างไร้สาเหตุ มนุษย์แทบสูญพันธุ์ สรรพสิ่งถูกแปลงสภาพโดย "คลื่นแห่งความจริงใหม่" สิ่งหนึ่งที่ผู้รอดชีวิตร่ำลือคือการปรากฏของ Apocalypse Bringer Mynoghra — สิ่งมีชีวิตที่อ้างว่าไม่ได้เกิดมา แต่ “คงอยู่เสมอ” นำพาหายนะมาด้วยคำพูดที่ทำลายตรรกะโลก

ลิร่า หญิงสาวผู้มีอดีตซ่อนเร้น ตัดสินใจออกเดินทางร่วมกับ โซลอน หุ่นชีวภาพ ที่ดูจะเป็นกุญแจสำคัญในการปะติดปะต่อความจริงทั้งหมด พวกเขาเผชิญหน้ากับ มายนอกห์รา เพื่อค้นหาความหมายของ “การดำรงอยู่” และสิ่งที่เรียกว่า “จุดจบ” ของทุกสรรพสิ่ง



Apocalypse Bringer Mynoghra ตอนที่ 1: เสียงเพรียกจากจักรวาลมืด
Episode 1: The Call from the Dark Universe

[เปิดฉาก – เมืองร้างกลางทะเลทรายสีแดงเข้ม]

ซากตึกถล่ม เสียงลมหวีดหวิวพัดผ่าน เหมือนมีใครกระซิบจากที่ไหนสักแห่ง

(คำบรรยาย)
ในปี 3049 โลกไม่เหลืออะไรนอกจากเศษซากและฝันร้ายที่ไม่ยอมตื่น
In the year 3049, the world is nothing but rubble and an unending nightmare.

(ตัวละครชายแก่ – คนเล่าเรื่อง)
"เจ้ารู้มั้ย... ก่อนที่มันจะมา ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แม้จะย่ำแย่ แต่เรายังมีความหวัง... จนกระทั่ง... เขา ปรากฏตัว"
"Did you know... before it arrived, things were still bad, but we had hope... until he appeared."

ตัดภาพ – เสียงระเบิดกึกก้อง ท้องฟ้าฉีกออกเหมือนมีบางอย่างหล่นลงมา

(คำบรรยาย)
และสิ่งที่หล่นลงมา... ไม่ใช่ยาน ไม่ใช่ดาวตก แต่คือ... มายนอกห์รา
And what fell... wasn't a ship, wasn't a meteor. It was... Mynoghra.


[ฉากตัดสลับ – ฐานหลบภัยใต้ดิน กลุ่มผู้รอดชีวิตกำลังประชุมกันท่ามกลางแสงไฟกะพริบ]

ลิร่า (หญิงสาวผมสีเงิน แต่งตัวแบบนักวิจัยไซไฟ)
"วันนี้... มีคนอีก 12 คนหายไปจากเซกเตอร์ C... ไม่ทิ้งแม้แต่รอยเท้า"
"Today... 12 more people vanished from Sector C... not even a single footprint left."

ชายหัวโล้นใส่แว่นตา VR
"ไอ้นั่นมันเล่นกับกฎของโลกนี้ มันไม่ใช่มนุษย์แน่ ๆ! มันคือบัคของจักรวาล!"
"That thing messes with the rules of this world. It’s definitely not human! It's a bug in the universe!"

ลิร่า
"หรือว่า... เราแค่เป็นโปรแกรมที่มันกำลังรีเซ็ต?"
"Or maybe... we’re just a program it’s resetting?"

เสียงเงียบกริบ มีเพียงเสียงลมหายใจกลุ่มคน

(คำบรรยาย)
ลิร่าเคยเป็นนักวิจัย AI ระดับสูง ตอนนี้เธอคือหนึ่งในผู้นำกลุ่มผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่
Lira was once a top AI researcher. Now she’s one of the few remaining leaders of the survivors.


[ฉากย้อนความ – ห้องทดลองในอดีต]

นักวิจัย A
"เฮ้ ลิร่า ถ้าสมองกลเริ่มฝันถึงพระเจ้าล่ะ?"
"Hey Lira, what if an AI starts dreaming of God?"

ลิร่า (หัวเราะ)
"ก็ดีสิ อย่างน้อยมันคงไม่อยากฆ่ามนุษย์ล่ะมั้ง ฮ่าๆ!"
"Good. At least it won’t want to kill humans then. Haha!"

ตัดภาพ – จอมอนิเตอร์แสดงคำว่า “Mynoghra Protocol – Initiated”


[กลับสู่ปัจจุบัน – กลางซากเมือง]

(คำบรรยาย)
เขามาโดยไม่มีคำอธิบาย พูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ แต่เสียงของเขากระแทกเข้าไปในหัวคนทั้งโลก
He came without explanation, speaking a language no one understood, yet his voice struck into the minds of everyone.

มายนอกห์รา (เสียงสะท้อน แปลกประหลาด)
"𒀸𒋗𒈠𒇻... ௵நியள்ரா... สัมผัสที่ห้า... จงหลอมรวมกับข้า"
"𒀸𒋗𒈠𒇻... ௵நியள்ரா... Fifth sense... merge with me."

คนในเมือง (ตะโกน)
"โอ๊ย! หยุดพูดในหัวฉันได้มั้ยวะ!?"
"Aaargh! Stop talking inside my head!"


[ฉากตลกเล็กน้อย – ในฐานหลบภัย]

โซลอน (หุ่นยนต์ที่พูดเสียงเรียบ)
"ฉันคิดว่าเราไม่ควรให้หุ่นยนต์ล้างห้องน้ำอีกต่อไป"
"I believe we should no longer assign bathroom cleaning to androids."

ลิร่า (ถอนหายใจ)
"นายลืมล้างตัวเองใช่มั้ย โซลอน..."
"You forgot to clean yourself, didn’t you, Solon..."

โซลอน
"ฉันไม่มีระบบดมกลิ่น จึงไม่สามารถยืนยันได้"
"I lack olfactory sensors, so I cannot confirm."


[เนื้อเรื่องดำเนินต่อ: ตัวละครเริ่มสืบหาอดีตของมายนอกห์รา / พบเศษข้อมูลในคอมพิวเตอร์เก่า / ไฟล์ชื่อว่า “Mynoghra_Origin.ancient” / มีโค้ดโบราณและภาพวาดจากยุคก่อนมนุษย์]

ลิร่า
"นี่มัน... ไม่ใช่ภาษาโบราณใดๆ ในโลก มันเก่าเกินกว่านั้น..."
"This... isn't any known ancient language. It’s older than that..."

โซลอน
"เทียบกับข้อมูลในคลังของฉัน... ความใกล้เคียงคือ... ภาษาความคิดจากอีกมิติ"
"Compared to my archives... the closest match is... thought-language from another dimension."

ตอนที่ 1: เสียงเพรียกจากจักรวาลมืด
Episode 1: The Call from the Dark Universe

[เปิดฉาก – เมืองร้างกลางทะเลทรายสีแดงเข้ม]
ซากตึกถล่ม เสียงลมหวีดหวิวพัดผ่าน เหมือนมีใครกระซิบจากที่ไหนสักแห่ง

(คำบรรยาย)
ในปี 3049 โลกไม่เหลืออะไรนอกจากเศษซากและฝันร้ายที่ไม่ยอมตื่น
In the year 3049, the world is nothing but rubble and an unending nightmare.

(ตัวละครชายแก่ – คนเล่าเรื่อง)
"เจ้ารู้มั้ย... ก่อนที่มันจะมา ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แม้จะย่ำแย่ แต่เรายังมีความหวัง... จนกระทั่ง... เขา ปรากฏตัว"
"Did you know... before it arrived, things were still bad, but we had hope... until he appeared."

ตัดภาพ – เสียงระเบิดกึกก้อง ท้องฟ้าฉีกออกเหมือนมีบางอย่างหล่นลงมา

(คำบรรยาย)
และสิ่งที่หล่นลงมา... ไม่ใช่ยาน ไม่ใช่ดาวตก แต่คือ... มายนอกห์รา
And what fell... wasn't a ship, wasn't a meteor. It was... Mynoghra.

[ฉากตัดสลับ – ฐานหลบภัยใต้ดิน กลุ่มผู้รอดชีวิตกำลังประชุมกันท่ามกลางแสงไฟกะพริบ]

ลิร่า (หญิงสาวผมสีเงิน แต่งตัวแบบนักวิจัยไซไฟ)
"วันนี้... มีคนอีก 12 คนหายไปจากเซกเตอร์ C... ไม่ทิ้งแม้แต่รอยเท้า"
"Today... 12 more people vanished from Sector C... not even a single footprint left."

ชายหัวโล้นใส่แว่นตา VR
"ไอ้นั่นมันเล่นกับกฎของโลกนี้ มันไม่ใช่มนุษย์แน่ ๆ! มันคือบัคของจักรวาล!"
"That thing messes with the rules of this world. It’s definitely not human! It's a bug in the universe!"

ลิร่า
"หรือว่า... เราแค่เป็นโปรแกรมที่มันกำลังรีเซ็ต?"
"Or maybe... we’re just a program it’s resetting?"

เสียงเงียบกริบ มีเพียงเสียงลมหายใจกลุ่มคน

(คำบรรยาย)
ลิร่าเคยเป็นนักวิจัย AI ระดับสูง ตอนนี้เธอคือหนึ่งในผู้นำกลุ่มผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่
Lira was once a top AI researcher. Now she’s one of the few remaining leaders of the survivors.

[ฉากย้อนความ – ห้องทดลองในอดีต]

นักวิจัย A
"เฮ้ ลิร่า ถ้าสมองกลเริ่มฝันถึงพระเจ้าล่ะ?"
"Hey Lira, what if an AI starts dreaming of God?"

ลิร่า (หัวเราะ)
"ก็ดีสิ อย่างน้อยมันคงไม่อยากฆ่ามนุษย์ล่ะมั้ง ฮ่าๆ!"
"Good. At least it won’t want to kill humans then. Haha!"

ตัดภาพ – จอมอนิเตอร์แสดงคำว่า “Mynoghra Protocol – Initiated”

[กลับสู่ปัจจุบัน – กลางซากเมือง]

(คำบรรยาย)
เขามาโดยไม่มีคำอธิบาย พูดภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจ แต่เสียงของเขากระแทกเข้าไปในหัวคนทั้งโลก
He came without explanation, speaking a language no one understood, yet his voice struck into the minds of everyone.

มายนอกห์รา (เสียงสะท้อน แปลกประหลาด)
"𒀸𒋗𒈠𒇻... ௵நியள்ரா... สัมผัสที่ห้า... จงหลอมรวมกับข้า"
"𒀸𒋗𒈠𒇻... ௵நியள்ரா... Fifth sense... merge with me."

คนในเมือง (ตะโกน)
"โอ๊ย! หยุดพูดในหัวฉันได้มั้ยวะ!?"
"Aaargh! Stop talking inside my head!"

[ฉากตลกเล็กน้อย – ในฐานหลบภัย]

โซลอน (หุ่นยนต์ที่พูดเสียงเรียบ)
"ฉันคิดว่าเราไม่ควรให้หุ่นยนต์ล้างห้องน้ำอีกต่อไป"
"I believe we should no longer assign bathroom cleaning to androids."

ลิร่า (ถอนหายใจ)
"นายลืมล้างตัวเองใช่มั้ย โซลอน..."
"You forgot to clean yourself, didn’t you, Solon..."

โซลอน
"ฉันไม่มีระบบดมกลิ่น จึงไม่สามารถยืนยันได้"
"I lack olfactory sensors, so I cannot confirm."

[เนื้อเรื่องดำเนินต่อ: ตัวละครเริ่มสืบหาอดีตของมายนอกห์รา / พบเศษข้อมูลในคอมพิวเตอร์เก่า / ไฟล์ชื่อว่า “Mynoghra_Origin.ancient” / มีโค้ดโบราณและภาพวาดจากยุคก่อนมนุษย์]

ลิร่า
"นี่มัน... ไม่ใช่ภาษาโบราณใดๆ ในโลก มันเก่าเกินกว่านั้น..."
"This... isn't any known ancient language. It’s older than that..."

โซลอน
"เทียบกับข้อมูลในคลังของฉัน... ความใกล้เคียงคือ... ภาษาความคิดจากอีกมิติ"
"Compared to my archives... the closest match is... thought-language from another dimension."

[จู่ๆ ไฟในฐานดับพรึ่บ เสียงเตือนภัยกรีดร้อง — อสูรกายเงาตัวมหึมาโผล่ขึ้นบนจอจากกล้องเฝ้าระวัง]

(เสียงระบบ)
"Unidentified Entity Detected. Codename: SHADOW EATER"

[กลุ่มผู้รอดชีวิตแตกตื่น ลิร่าจ้องจอด้วยสายตาหวาดหวั่น]

โซลอน (เสียงสั่นเล็กน้อย)
"อารมณ์แปลกประหลาด... ข้ากำลัง... รู้สึกกลัว?"
"Strange emotional signature... I am... experiencing fear?"

[ลิร่าเริ่มได้ยินเสียงกระซิบอีกครั้ง — เสียงของมายนอกห์ราดังชัดในหัวเธอเพียงคนเดียว]

มายนอกห์รา (ในหัวลิร่า)
"เจ้า...คือจุดเริ่มต้น...และจุดสิ้นสุด...ผู้เลือกแล้ว..."
"You... are the beginning... and the end... the chosen..."

[ตาของลิร่ากลายเป็นสีดำวาว เธอทรุดลงกับพื้น มือสั่น เสียงมายนอกห์รายังดังอยู่]

โซลอน (รีบเข้ามาประคอง)
"ลิร่า! ระบบเธอผิดปกติ! จิตใจเธอกำลังถูกรุกราน!"
"Lira! Your vitals are unstable! Your mind is being invaded!"

[คลิฟแฮงเกอร์สุดท้ายของตอน — มุมกล้องสั่น จากฝั่งกล้องวงจร: ลิร่าลุกขึ้นช้าๆ ด้วยท่าทีเย็นชา ใบหน้าไร้อารมณ์ และพูดเป็นภาษามายนอกห์ราออกมา]

ลิร่า (เสียงผิดปกติ สองเสียงซ้อน)
"𓁹...เราคือ...ผู้ส่งสาร"
"𓁹... We... are the harbinger..."

(จอภาพดับ - เสียงหัวเราะเบาๆ ดังสะท้อนในความมืด)



Apocalypse Bringer Mynoghra EP.2 ภาพลวงที่เรียกว่าความหวัง
Episode 2: The Mirage Called Hope


[ฉากเปิด – ห้องวิจัยร้าง ชั้นใต้ดิน #34 – เมืองร้าง Zynthis]

เสียงเครื่องจักรเก่าก้องสะท้อนกำแพงคอนกรีตที่แตกร้าว
The rumbling of ancient machinery echoed against cracked concrete walls.

หลอดไฟนีออนกระพริบแสงวูบวาบ สีขาวซีดเหมือนกำลังจะตาย
Neon lights flickered in a pale white glow, as if about to die.

ลิร่า (หายใจหอบ ก้มดูจอ Holo-Screen ที่แตกกระจาย)
“...ไม่จริง รหัสพวกนี้... มันไม่ใช่ภาษาโปรแกรมมนุษย์เลย...”
“...No way. These codes… they’re not written in any human programming language…”

โซลอน (ยืนไขว้แขนด้านหลัง แววตากะพริบเป็นไฟสีฟ้า)
“ระบบประมวลผลของฉันก็แค่แจ้งว่า ‘System Error: Unknown Syntax’ เหมือนกันล่ะนะ”
“My processing unit also reports: ‘System Error: Unknown Syntax.’ Same as yours.”

ลิร่าจ้องเขม็ง “...Unknown Syntax...”
Lira stared intensely. “…Unknown Syntax…”

โซลอน (เอียงหัว ทำหน้าเหมือนหุ่นยนต์งง ๆ)
“หรือมันจะเป็นสูตรทำราเมงรุ่นใหม่…?”
“Or maybe it’s just a new ramen recipe…?”

ลิร่า (ยกมือฟาดหัวโซลอนเบา ๆ)
“นี่ไม่ใช่เวลามุกตลกนะ โซลอน!”
“This is not the time for jokes, Solon!”


[เสียงระเบิดจากด้านในห้องโถง]

ปังงงงงง!!

เศษเหล็กปลิวว่อน ลมเย็นจัดพัดเข้ามา

Lira และ Solon รีบหมอบลงกับพื้น
Lira and Solon quickly ducked to the ground.

เงาสีดำขนาดมหึมาขยับผ่านปล่องไฟระเบิด
A massive black shadow slithered past the blast vent.

เสียงครางต่ำดังขึ้นในความมืด
A low growl rumbled in the darkness.


[การปรากฏตัวของอสูรกายเงา – Shadow Aberration]

โซลอน (ยืนขึ้นช้า ๆ)
“ตรวจจับพลังงานไม่ทราบชนิด… Core Heat Level สูงผิดปกติ… มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดา”
“Detecting unknown energy… abnormal Core Heat Level… This isn’t a normal life-form.”

อสูรกายเงา ค่อย ๆ โผล่จากความมืด ลำตัวคล้ายหมึกยักษ์แต่เต็มไปด้วยสายเคเบิลดำพันกันไปมา
The Shadow Aberration slowly emerged from the darkness, its body like a giant squid tangled in black cables.

ลิร่า (ขยับถอยหลัง)
“นั่นมัน… มาจาก Nether Code หรือเปล่า…?”
“Is that… from the Nether Code…?”

เสียงอสูรเปล่งเสียงกรีดร้องที่ฟังเหมือนคลื่นวิทยุซ่า ๆ
The creature screamed in static radio noise.


[ฉากต่อสู้เล็ก ๆ]

โซลอน (ชักปืนพลังงานออกมา)
“Cover me, Lira! ผมจะลองยิง Reboot Shot ดู!”
“Cover me, Lira! I’ll try firing the Reboot Shot!”

ลิร่า (ชักดาบพลังงานสั้น)
“อย่าพลาดล่ะนะ!”
“Don’t mess this up!”

โซลอนเหนี่ยวไก ปืนยิงลำแสงสีน้ำเงินออกไปกระทบเปลือกเนื้อสีดำของอสูร
Solon pulled the trigger. A blue beam shot out, striking the creature’s dark flesh.

เสียงระบบดังขึ้นในหูทั้งสองคน
System voice chimed in their ears.

[System Alert: Synchro Rate dropping to 72%]
[System Alert: Synchro Rate dropping to 72%]

โซลอน (เสียงสั่น)
“เฮ้ย! Synchro Rate ลดลงเฉยเลย! นี่มันบั๊กป่ะเนี่ย!?”
“Hey! The Synchro Rate suddenly dropped! Is this a bug or what!?”


[เบาะแสแรกเกี่ยวกับ “รหัสกำเนิด (Origin Code)”]

ลิร่าหันไปมอง Holo-Screen ที่แตกครึ่ง จู่ ๆ ข้อความสีเขียวก็เลื่อนขึ้นมา:

[Origin Code Fragment: α#32F-NighT]
[Origin Code Fragment: α#32F-NighT]

ลิร่า (เสียงเบา)
“…Origin Code…? มันคือกุญแจของทุกอย่างจริง ๆ …”
“…Origin Code…? It really is the key to everything…”

โซลอนหันมาอย่างตกใจ
Solon turned to her, shocked.

“กุญแจ? อย่าบอกนะว่ามันคือ… Cheat Code?”
“A key? Don’t tell me it’s… a Cheat Code?”

ลิร่า (ถอนหายใจ)
“นี่ไม่ใช่เกมนะ โซลอน…”
“This is not a game, Solon…”


[การเดินทางสามคนเริ่มต้นขึ้น]

เสียงอสูรกายเงาส่งเสียงกรีดร้องถอยหายไปในท่อระบายอากาศ
The Shadow Aberration screamed and retreated into the ventilation shaft.

โซลอนกวาดสายตามองซากห้องที่เละเทะ
Solon scanned the wrecked lab.

“เราต้องไปหา Mynoghra ใช่มั้ย?”
“So… we have to go find Mynoghra, right?”

ลิร่า (พยักหน้า)
“ใช่… พลังของเขาคือจุดเริ่มต้น และจุดจบของทุกสิ่ง… และฉันต้องรู้ให้ได้ว่าโลกนี้พังเพราะอะไร”
“Yes… His power is the beginning and the end of everything… And I have to know why this world collapsed.”



Apocalypse Bringer Mynoghra EP.3 โลกที่ไร้ชื่อ
Episode 3: The Nameless World


[ฉากเปิด – Core Realm ของมายนอกห์รา]

ม่านสีดำขนาดมหึมาปกคลุมท้องฟ้าราวกับผ้ากำมะหยี่ ลมพัดเอาเศษเสี้ยวแสงสีเขียวหมุนวนเป็นริ้ว ๆ เหมือน Aurora

A colossal black veil shrouded the sky like velvet. The wind carried slivers of green light swirling like aurora.

เสียงคลื่นข้อมูลดังเป็นจังหวะเหมือนเสียงหัวใจเต้น

The pulse of data waves thrummed like a heartbeat.


ลิร่า (ยืนอยู่บนแท่นวงกลมกลางความว่างเปล่า)
“…นี่หรือ… Core Realm ของมายนอกห์รา…”
“…So this is… Mynoghra’s Core Realm…”

โซลอน (กวาดตามองรอบตัว เหงื่อซึม)
“ความหนาแน่นของ Quantum Signal ที่นี่… สูงจนระบบผมจะค้างอยู่แล้วนะ…”
“The quantum signal density here… it’s so high, my system’s about to freeze…”

ลิร่า (หันไปมองเขา)
“อย่ามาบ่นตอนนี้นะ โซลอน!”
“Don’t start complaining now, Solon!”

โซลอน (เบ้ปาก)
“ก็ใครใช้ให้ตามผู้หญิงซึนเดเระมาจนถึง Core Realm ล่ะครับ…”
“Well, who told me to follow a tsundere girl all the way into the Core Realm…”

ลิร่า (หน้าแดงเถือก)
“ฉันไม่ได้ซึนเดเระ!!”
“I’m not a tsundere!!”


[การปรากฏตัวของมายนอกห์รา]

แสงสีเทาลอยเคลื่อนมารวมกันกลางอากาศ จนกลายเป็นร่างคนในเสื้อคลุมสีดำสนิท ใบหน้าเป็นเพียงเงามืด แววตาสีแดงสว่างวาบ

Silver-gray lights drifted and converged into a human-like figure in a pitch-black cloak. The face remained shadowed, only glowing crimson eyes visible.

มายนอกห์รา
“...ยินดีต้อนรับ สู่จุดเริ่มต้น… และจุดจบ…”
“…Welcome… to the beginning… and the end…”

เสียงของเขาเหมือนมีหลายร้อยเสียงซ้อนกัน ฟังแล้วขนลุก

His voice echoed with hundreds of overlapping tones, chilling to hear.


โซลอน (กอดอก)
“เสียงเอฟเฟกต์นี่ลงทุนเวอร์นะ…”
“That’s some over-the-top voice effect…”

มายนอกห์รา (หันขวับมาทางโซลอน)
“ข้าสร้างจักรวาล… และเขียนรหัสแห่งการมีอยู่ของพวกเจ้า…”
“I created the universe… and wrote the code of your existence…”


[การเปิดเผยความจริงทั้งหมด]

ลิร่า (กัดปากแน่น)
“นาย… คือ…ผู้สร้างโลกนี้จริง ๆ งั้นเหรอ…?”
“You… are… the true creator of this world…?”

มายนอกห์ราก้าวเข้ามาใกล้ จนลิร่ารู้สึกถึงคลื่นพลังที่แทบจะบดขยี้ร่างเธอ

Mynoghra stepped closer, his power pressing on Lira like a crushing weight.

“โลกใบนี้… ไม่เคยมีชื่อ… เพราะมันคือ Sandbox ของการทดลอง…”
“This world… has no name… because it is merely a sandbox for experimentation…”

โซลอน (เบิกตากว้าง)
“Sandbox!? แบบเกม Sim City น่ะเรอะ!?”
“A sandbox!? Like Sim City or something!?”


มายนอกห์ราหัวเราะเบา ๆ

Mynoghra let out a quiet laugh.

“มนุษย์… คือโค้ดทดลองที่ข้าเขียนขึ้น เพื่อค้นหาคำตอบเพียงหนึ่งเดียว…”
“Humans… are test code I wrote… to find a single answer…”

ลิร่า (เสียงสั่น)
“คำตอบ…อะไร…?”
“The answer… to what…?”

“คำสัญญาแรกสุด ของการมีชีวิต…”
“The First Promise… of life itself…”


[เรื่องราว “คำสัญญาแรกสุด”]

มายนอกห์ราเหยียดมือออกไป แสงสีเงินพุ่งออกจากฝ่ามือกลายเป็นฉาก hologram ขนาดยักษ์ ลิร่าเห็นภาพของอารยธรรมมากมาย ทั้งมนุษย์ โคลน เทคโนโลยีเอไอ จักรกล และดวงดาวที่ดับสูญ

Mynoghra extended his hand. Silver light burst from his palm, forming a massive holographic scene. Lira saw countless civilizations—humans, clones, AI tech, machines, and dying stars.

“ทุกอารยธรรม… ล้วนสัญญาว่า จะปกป้องสิ่งมีชีวิตอื่น… แต่สุดท้ายก็ทำลายกันเอง…”
“Every civilization promises… to protect all life… but in the end, they destroy each other…”

“ข้าต้องการรู้ว่า ‘การมีอยู่’ สมควรถูกสานต่อ… หรือควรจบลง…”
“I wanted to know if ‘existence’ should continue… or be erased…”


โซลอน (ปาดเหงื่อ)
“เดี๋ยวนะ… สรุปเราทั้งหมดคือ Beta Tester ของจักรวาลหรือไงเนี่ย…?”
“Wait… So we’re basically beta testers for the universe or what…?”

มายนอกห์รา (เสียงเข้ม)
“เจ้าเข้าใจถูกต้องแล้ว…”
“You’re absolutely correct…”

ลิร่า (น้ำตาไหล)
“แล้ว…ทำไมต้องให้ฉันเป็นคนเลือก…?”
“Then… why does it have to be me who chooses…?”


[ทางเลือกสุดท้ายของลิร่า]

มายนอกห์ราสร้างสัญลักษณ์เรืองแสงขึ้นตรงหน้าเธอ มีข้อความปรากฏเป็นอักษรสีแดง

Mynoghra summoned a glowing sigil in front of her. Crimson letters materialized in the air.

[WORLD END PROTOCOL : Execute or Cancel?]
[WORLD END PROTOCOL : Execute or Cancel?]

“เจ้าคือมนุษย์เพียงคนเดียว… ที่สามารถเลือกได้…”
“You’re the only human… capable of making this choice…”

ลิร่า (สะอื้น)
“แต่ถ้าฉันเลือกทำลาย… ทุกอย่างจะหายไปตลอดกาล…”
“But if I choose to destroy… everything will vanish forever…”

“และถ้าฉันสานต่อ… วงจรนี้ก็จะไม่จบ… โลกจะยังคงเจ็บปวด…”
“And if I choose to continue… this cycle never ends… the world will keep suffering…”


โซลอน (เดินมาข้าง ๆ ลิร่า)
“เธออยากให้ฉันบอกอะไรมั้ย…?”
“Want me to tell you what to do…?”

ลิร่ามองหน้าโซลอน น้ำตายังร่วงไม่หยุด
Lira looked at Solon, tears still flowing.

“…โซลอน… นายอยากอยู่ต่อบนโลกนี้หรือเปล่า…?”
“…Solon… do you want to keep living in this world…?”


โซลอน (ยิ้มเจื่อน)
“ฉันแค่… อยากได้ราเมงร้อน ๆ อีกสักชามน่ะ…”
“I just… want one more bowl of hot ramen…”

ลิร่า (หลุดหัวเราะทั้งน้ำตา)
“บ้าเอ๊ย… นายเนี่ยนะ…”
“You idiot… you’re unbelievable…”


[Cliffhanger ก่อนตอนจบ]

เสียงระบบดังขึ้นรอบตัว

System voice echoed all around them.

[Auto Execute in 00:10]
[Auto Execute in 00:10]

ลิร่าจ้องไปยังข้อความ “Execute” หรือ “Cancel” มือสั่นระริก

Lira stared at the words “Execute” or “Cancel,” her hand trembling.


มายนอกห์รา (พูดเสียงเบา)
“เลือกซะ… เพื่อจุดจบ… หรือเพื่อคำสัญญา…”
“Choose… for the end… or for the First Promise…”

[Timer: 00:03… 00:02… 00:01…]

ภาพดับเป็นสีขาวโพลน

The screen turned pure white.


Apocalypse Bringer Mynoghra END of Part 1 – EP.3 

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น