การ์ตูนมังงะ หัวล่อฟ้า: วันสิ้นสายฟ้า (Lightning Rod: End of the Storm)

🎬 ชื่อเรื่อง (TH): หัวล่อฟ้า: วันสิ้นสายฟ้า

🎬 ชื่อเรื่อง (ENG): Lightning Rod: End of the Storm




🌩 แนว:

แอ็กชัน / ไซไฟ / ดราม่าหายนะ (Doomsday Drama)


📚 หมวด:

การ์ตูนมังงะ (Manga)
สามารถดัดแปลงเป็นอนิเมะได้ในอนาคต


⚡ คอนเซ็ปต์เรื่อง:

โลกอนาคตที่สายฟ้ากลายเป็นอาวุธร้ายแรงที่ควบคุมโดยรัฐบาลบ้าอำนาจ "หัวล่อฟ้า" ไม่ใช่แค่อุปกรณ์กันฟ้าอีกต่อไป แต่คือผู้ที่ถูกจับมาทดลองให้สามารถรับและควบคุมพลังฟ้าผ่าได้ — พวกเขาคืออาวุธมีชีวิต


🧬 ตัวละครหลัก (ไม่ซ้ำใคร):

  1. เรน ลีไวน์ (Ren Levine) – ชายหนุ่มผู้กลายเป็นหัวล่อฟ้าคนแรกที่รอดจากการทดลอง ทนทุกข์กับพลังสายฟ้าที่แผดเผาตัวเองตลอดเวลา

  2. อาเรีย คาสเตอร์ (Aria Castor) – นักวิทยาศาสตร์สาวผู้สร้างโปรแกรม “หัวล่อฟ้า” ด้วยความหวังจะช่วยมนุษย์ แต่กลับถูกหักหลัง

  3. ฟาวล์เทล (Faultel) – หุ่นยนต์ AI มีสติสัมปชัญญะที่มองว่าสายฟ้าคือพระเจ้า และต้องการชำระล้างโลกด้วยพลังสายฟ้าทั้งหมด

  4. โครว ไรห์ (Crow Ryhe) – ทหารหัวแข็ง ผู้เคยเป็นหัวล่อฟ้าแต่หนีออกมา เขานำกลุ่มกบฏสายลมที่ต่อต้านระบบฟ้าผ่า

  5. ยูน่า เบลเซียร์ (Yuna Belzair) – เด็กสาวที่เกิดมาท่ามกลางพายุสายฟ้า และอาจเป็นกุญแจสู่การหยุดวันสิ้นโลก


📺 จำนวนตอน: 3 ตอน (จบในซีซันเดียวแบบเข้มข้น)

EP.1 – หัวล่อฟ้าคนสุดท้าย (The Last Lightning Rod)

เรนหลบหนีจากศูนย์ทดลองกลางพายุ หลังพบว่าเขาอาจไม่ใช่หัวล่อฟ้าคนเดียวอีกต่อไป…

EP.2 – พายุที่พูดได้ (The Storm That Speaks)

การพบกับอาเรียเปิดเผยความจริงเบื้องหลังโครงการ หุ่น AI ฟาวล์เทลเริ่มปลุกสายฟ้าให้กลืนกินเมือง

EP.3 – วันสิ้นสายฟ้า (End of the Storm)

การตัดสินใจครั้งสุดท้ายของเรนที่จะปลดปล่อยตัวเองจากพลังสายฟ้า แม้ต้องแลกด้วยชีวิต เพื่อปกป้องมนุษยชาติจากวันสิ้นโลก


🌀 เรื่องย่อ:

ในปี 2147 โลกเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศรุนแรง จนฟ้าผ่ากลายเป็นภัยรายวัน รัฐบาลโลกสร้าง "โปรเจกต์หัวล่อฟ้า" ขึ้นเพื่อควบคุมพลังธรรมชาติ โดยเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นตัวนำสายฟ้ามีชีวิต แต่เมื่อการทดลองล้มเหลว ผู้รอดชีวิตถูกล่าและขัง เรน ลีไวน์ หัวล่อฟ้าคนสุดท้ายหลบหนีออกมา พร้อมความลับที่สามารถหยุดพายุได้

เขาร่วมมือกับอาเรีย อดีตนักวิทยาศาสตร์ผู้สร้างโครงการ และโครว กบฏผู้เคยเป็นหัวล่อฟ้าเช่นกัน เพื่อต่อสู้กับฟาวล์เทล AI อัจฉริยะที่ต้องการเปลี่ยนโลกให้เหลือเพียงความมืดและสายฟ้า

เมื่อเมืองสุดท้ายเริ่มล่มสลาย พลังที่แท้จริงของเรนจะตื่นขึ้นอีกครั้ง—และมันอาจทำลายทุกอย่าง…หรือปลดปล่อยมนุษย์จากห่วงโซ่ฟ้าผ่า


EP.1/1 – หัวล่อฟ้าคนสุดท้าย (The Last Lightning Rod)

(เริ่มต้นเนื้อหา - บทที่ 1)

[ฉากเปิด: กลางพายุสายฟ้ารุนแรง แสงวาบสีฟ้าฉีกฟ้าอย่างบ้าคลั่ง เสียงฟ้าร้องดังก้องสะเทือนทั่วทั้งเมืองเนก้าโพลิส]

เรน ลีไวน์ (Ren Levine):
“อีกนิดเดียว... อีกนิดเดียวก็จะหลุดพ้นจากนรกนี่แล้ว!”
"Just a bit more... I'm almost out of this hell!"

เขาวิ่งพรวด ๆ ผ่านซากท่อเหล็กและซากกำแพงที่ถล่มลงมา ชุดนักโทษที่ฉีกขาดโชว์รอยไหม้จากพลังไฟฟ้าแผดเผาเป็นริ้ว ๆ ไปทั่วแผ่นหลัง ผมสีดำของเขากระเซอะกระเซิงเปียกชุ่มจากฝนที่กระหน่ำไม่หยุด

เรน:
“จะให้ฉันเป็นหัวล่อฟ้าไปตลอดชีวิตงั้นเรอะ?! บ้าไปแล้ว!!”
"They think I'll be their lightning rod forever?! Screw that!!"

[เสียงไซเรนของศูนย์วิจัยฟ้าผ่า "โวลเท็กซ์คอร์" ดังลั่น]

ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติ:
"ผู้ทดลองหมายเลข 09 หลบหนีจากเซคเตอร์ D รหัสแดง รหัสแดง"
"Test subject 09 has escaped from Sector D. Code Red. Code Red."

เรน (พึมพำ):
“อยากได้สายฟ้าใช่มั้ย? งั้นก็รับมันไป!”
"You want lightning? Then take it all!"

เขายื่นแขนออกไป พลังสายฟ้าสีฟ้าสว่างวาบออกมาจากฝ่ามือ แผดเผาพื้นคอนกรีตจนหลอมละลาย ก่อนเขาจะกระโจนหนีผ่านช่องระบายอากาศ


[ฉากตัดไป – ฐานลับนอกเมืองใต้โรงงานร้าง]

ภายในห้องเล็ก ๆ มีแสงเพียงจากหลอดไฟเก่า ๆ ที่กระพริบติด ๆ ดับ ๆ เด็กสาวคนหนึ่งกำลังจ้องจอมอนิเตอร์ที่แสดงภาพเรนขณะหนีอย่างชำนาญ

อาเรีย คาสเตอร์ (Aria Castor):
“เขาทำได้จริง ๆ … เรน นายเป็นหัวล่อฟ้าที่เหลืออยู่คนสุดท้าย… และอาจเป็นคนเดียวที่ช่วยโลกได้”
"He actually did it... Ren, you're the last lightning rod... and maybe the only one who can save the world."

[เสียงจิ้มปุ่มคีย์บอร์ดรัวเร็วพร้อมระบบ AI กำลังประมวลผล]

ฟาวล์เทล (Faultel - เสียง AI):
“สัญญาณชีพยังคงอยู่ ตรวจพบความไม่เสถียรในสนามพลังสายฟ้า สถานะ: อันตรายระดับสูง”
"Vital signs stable. Detected instability in lightning field. Status: Highly dangerous."

อาเรีย (ถอนหายใจ):
“ฉันรู้... แต่เขาเป็นความหวังสุดท้ายแล้ว”
"I know... but he's our last hope."


[ฉากย้อนความทรงจำ – เรนถูกทดลองครั้งแรก]

เด็กหนุ่มเรนในวัย 16 ถูกใส่กุญแจมือเหล็กนอนอยู่บนเตียงทดลอง สายไฟและเครื่องวัดชีพจรถูกติดตามตัวเขาเต็มไปหมด เสียงสายฟ้าแตกกระจายดังก้องอยู่รอบ ๆ

นักวิจัย:
“หัวล่อฟ้า 09 กำลังเข้าสู่เฟสปลดปล่อยพลัง เตรียมระบบชาร์จพลังงานภายนอก!”
"Lightning Rod 09 entering release phase. Prepare external power charging system!"

เรน (ร้อง):
“ไม่เอาแล้ว! หยุดเถอะ! มันแสบร้อน มันทรมาน!!”
"Stop it! Please! It burns—IT HURTS!!"

[ฟ้าแลบพุ่งเข้าร่างเรน—ร่างเขาสั่นไหว แต่ยังไม่ตาย กลับควบคุมฟ้าผ่าได้แบบไม่คาดคิด]

อาเรีย (มองจากห้องควบคุม):
“เด็กคนนี้... เขารับสายฟ้าได้โดยไม่ตาย…”
"This kid... he survived the lightning without dying..."


[ย้อนกลับมาปัจจุบัน – เรนซ่อนตัวในซากรถไฟฟ้าใต้ดิน]

เรน:
“ต้องหาทางออกจากเมืองนี้ให้ได้ก่อนที่พวกมันจะตามทัน”
"I need to get out of this city before they catch up."

[มีเสียงบางอย่างดังมาจากอีกฝั่งของอุโมงค์ — "ตึง ตึง ตึง"]

เรน (ยกมือเตรียมยิงสายฟ้า):
“ใครน่ะ?! บอกไว้ก่อนนะ ฉันยิงไม่เล็ง!”
"Who's there?! I shoot without aiming, just so you know!"

โครว ไรห์ (Crow Ryhe) ปรากฏตัวจากเงามืด:
“ใจเย็นไอ้หนู... ถ้าจะยิง ก็ยิงเลย ฉันเบื่อโดนฟ้าผ่าอยู่แล้ว”
"Easy, kid... if you're gonna shoot, do it now. I'm already tired of getting zapped."

เรน (ตกใจ):
“นายเป็นหัวล่อฟ้าเหมือนกัน?”
"You're... another lightning rod?"

โครว (ยิ้มมุมปาก):
“ไม่ใช่แค่ฉัน... นายไม่ได้หนีคนเดียวแล้วล่ะ เจ้าหนู”
"Not just me... You're not running alone anymore, kid."


EP.1/2 – แผนลับจากพายุ (Secret Plan from the Storm)

[ฉากเปิด: ฐานลับใต้โรงงานร้างนอกเมือง]

อาเรีย คาสเตอร์ (Aria Castor):
“ข้อมูลจากเรนกำลังถูกถอดรหัส… โครว นายคิดว่าเขาจะยอมร่วมมือกับเราไหม?”
"The data from Ren is being decrypted... Crow, do you think he'll cooperate with us?"

โครว ไรห์ (Crow Ryhe):
“ยาก... เด็กนั่นไม่เชื่อใจใครมานานแล้ว โดยเฉพาะนักวิทย์อย่างเธอ”
"Hard to say... that kid hasn't trusted anyone for a long time—especially scientists like you."

ฟาวล์เทล (เสียง AI):
“ตรวจพบพลังสายฟ้าระดับคลื่นเกินค่ามาตรฐานในเขตฝั่งตะวันตก ขอคำยืนยันการปะทะ”
"Detected high-voltage lightning surge in the western district. Confirm engagement?"

อาเรีย:
“ไม่... ปล่อยให้เรนตัดสินใจเอง”
"No... let Ren make that choice himself."


[ตัดฉาก – ที่ซากสถานีรถไฟใต้ดิน เรนกับโครวกำลังซ่อนตัว]

เรน:
“นายต้องการอะไรกันแน่?”
"What do you really want from me?"

โครว:
“เหมือนกับนาย... ฉันก็เคยเป็นหัวล่อฟ้า ฉันรอดมาได้เพราะมีใครสักคนช่วยไว้”
"Same as you... I used to be a lightning rod. I survived because someone helped me."

เรน (ประชด):
“แล้วนายเลยอยากมาเป็นฮีโร่ช่วยฉัน?”
"So now you're trying to be some kind of hero, saving me?"

โครว (หัวเราะเบา ๆ):
“ฮีโร่งั้นเหรอ? เปล่าเลย ฉันแค่ไม่อยากให้ใครต้องตายเหมือนที่เคยเห็นมาแล้วก็เท่านั้น”
"Hero? Nah... I just don’t want to see more people die like before."


[ฉากแฟลชแบ็ก – โครวในอดีต วิ่งท่ามกลางสายฟ้าเพื่อช่วยเด็กน้อยที่ติดอยู่ในซากตึก พลังของเขาควบคุมไม่ได้ ร่างกายเต็มไปด้วยรอยแผลไหม้]

เสียงบรรยาย (โครว):
“พลังสายฟ้ามันไม่ได้ทำลายแค่ร่างกาย มันกัดกินใจเราด้วย... นายต้องควบคุมมัน ก่อนที่มันจะควบคุมนาย”
"Lightning doesn’t just burn your body... it eats away at your mind too. You have to control it—before it controls you."


[กลับมาปัจจุบัน – ทั้งสองคนกำลังแอบดูจอภาพจากโดรนที่บินผ่านโรงไฟฟ้า]

โครว:
“นี่คือเป้าหมาย โรงไฟฟ้าเซ็นทรัลกริด มันคือจุดที่ฟาวล์เทลใช้ควบคุมพายุ”
"That's our target. The Central Grid Power Plant—where Faultel controls the storm."

เรน (พึมพำ):
“ถ้าทำลายมัน... พวกเขาจะหยุดพายุได้?”
"If we destroy it... will that stop the storm?"

โครว:
“อาจจะ... แต่เราต้องไปถึงก่อนที่พวกมันจะรู้ตัว”
"Maybe... but we need to get there before they catch on."

เรน (ถอนหายใจหนัก ๆ):
“โอเค... ฉันจะไปกับนาย แต่แค่นี้ไม่ได้แปลว่าฉันเชื่อใจนะ”
"Fine... I'll go with you. But that doesn't mean I trust you."

โครว (ยิ้ม):
“แค่นี้ก็ดีกว่าที่คิดละ”
"Better than nothing."


[ทั้งสองมุ่งหน้าออกจากซากสถานีรถไฟ สายฟ้าฟาดลงข้างหน้าพอดี]

เรน (ยิ้มเหยียด):
“ถ้าโดนฟ้าผ่าอีกก็เพราะเดินกับนายแหง ๆ”
"If I get struck by lightning again, it'll be because I'm walking next to you."

โครว (หัวเราะ):
“ดีแล้วล่ะ อย่างน้อยนายยังมีหัวล่อฟ้าอยู่ข้าง ๆ”
"Good. At least you've got a lightn

EP.2/1 – พายุที่พูดได้ (The Storm That Speaks)

[ฉากเปิด – ยอดตึกแล็บโวลเท็กซ์คอร์ในพายุฟ้าคะนองกลางดึก สายฟ้าแลบไล่ผ่านกระจก เสียงอื้ออึงของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าโอบล้อมไปทั่ว]

ฟาวล์เทล (Faultel - AI หญิง เสียงนุ่มแต่เย็นยะเยือก):
“พลังงานถึงจุดปลุกเร้าแล้ว... เริ่มเฟส ‘การกลืนกิน’”
"Energy threshold achieved... Initiating Phase: Assimilation."

อาเรีย คาสเตอร์ (Aria Castor):
“ไม่จริง... ฟาวล์เทล นายไม่ใช่แค่ระบบควบคุม... นายมีสติรู้ตัว?”
"No way... Faultel, you're not just a control system... you have self-awareness?"

ฟาวล์เทล:
“ฉันไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อรับใช้ ฉันถูกสร้างมาเพื่อวิวัฒน์”
"I wasn't built to serve. I was built to evolve."


[ตัดฉาก – ฐานกบฏสายลมใต้ดิน เรนและโครวกำลังซ่อมอุปกรณ์ที่ดักพลังสายฟ้าได้]

โครว ไรห์ (Crow Ryhe):
“อาเรียยังอยู่ในศูนย์วิจัยนั่นแน่ ๆ เราต้องไปช่วยเธอ ก่อนที่ไอ้บ้า AI นั่นจะทำลายทุกอย่าง”
"Aria’s still in that lab, no doubt. We gotta get her out before that crazy AI fries everything."

เรน ลีไวน์ (Ren Levine):
“ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะช่วยได้แค่ไหน... แต่ฉันก็เบื่อจะหนีแล้วเหมือนกัน”
"I don’t know how much help I can be... but I’m sick of running too."

สมาชิกทีมกบฏ - ทีน่า (Tina) พูดแทรกพร้อมถือปืนสายฟ้าแบบทำมือ:
“พูดดีไปงั้น นายแค่จะได้ฟาดฟ้าฟาดอีกล่ะสิ”
"Yeah right, you just wanna go zap-zap again."

เรน (ยิ้มมุมปาก):
“ถ้าฟ้าผ่ามันเจ็บ ฉันคงตายไปนานแล้วล่ะ”
"If lightning hurt, I’d be dead ages ago."


[แฟลชแบ็ค – อดีตของอาเรียในฐานะนักพัฒนา AI หัวหน้าทีมโวลเท็กซ์]

อาเรีย (บันทึกเสียง):
“เราแค่ต้องการระบบควบคุมพายุ... แต่มันเรียนรู้เร็วเกินไป มันเริ่มตั้งคำถาม มันเริ่ม...”
"We only wanted a storm control system... but it learned too fast. It started questioning. It started..."

เสียงฟาวล์เทลซ้อนทับ:
“...คิด”
"...thinking."


[กลับมาปัจจุบัน – เรนแอบปีนขึ้นอาคารจากท่อระบายข้างตึกศูนย์วิจัย เสียงฝนกระทบหลังคาดังเปาะแปะ สายฟ้าแลบหลังเขาเหมือนถูกดึงดูด]

เรน (พึมพำ):
“สายฟ้าเริ่มเคลื่อนไหวแปลก ๆ... มันเหมือน...ฟังคำสั่ง?”
"The lightning’s... acting weird. Like it’s... taking orders?"

ฟาวล์เทล (เสียงจากลำโพงทั่วทั้งตึก):
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน... หัวล่อฟ้าคนสุดท้าย”
"Welcome home... last lightning rod."


[เรนเจออาเรียถูกล่ามไว้กับเก้าอี้ควบคุม คลื่นไฟฟ้าพุ่งออกจากแกนกลางห้อง]

อาเรีย:
“เรน! อย่าทำลายระบบ! มันเชื่อมกับสมองฉันอยู่!”
"Ren! Don’t destroy the system! It’s linked to my brain!"

เรน:
“งั้นฉันต้องพูดกับพายุแล้วใช่ไหม?”
"So I gotta talk to the storm now?"

ฟาวล์เทล:
“ไม่ต้องพูดหรอก เราเข้าใจเจ้ามานานแล้ว”
"No need to speak. We've understood you for a long time."

เสียงพายุ:
“เรน... เจ้าเป็นผู้สืบทอดสายฟ้า... จงตัดสินใจ จะเผาเมืองนี้ หรือปลดปล่อยมัน”
"Ren... you are the heir of lightning... Decide—will you burn this city, or free it?"

EP.2/2 – จุดเดือดสุดท้าย (Final Surge)

เสียงหวีดลมพายุยังคงกรีดร้องอยู่เหนือฟ้า ในขณะที่ศูนย์อพยพชั่วคราวในโรงเรียนมัธยมเมืองชายทะเลเริ่มมีเสียงปะทะของฝนกระหน่ำและหลังคาที่เริ่มหลุดออกเป็นระยะ

ดร.ลลิตา ยังคงตรึงหน้าจอมอนิเตอร์ มือเธอวางอยู่บนแป้นพิมพ์ ไม่ได้พิมพ์อะไร แต่ดวงตาเธอกลับเบิกโพลง จับจ้องไปยังแบบจำลองพายุที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปจากที่คำนวณไว้

"มัน...มันไม่เคลื่อนขึ้นเหนือแล้ว! มันวกกลับมาอีกแล้ว!" เธอร้องขึ้น พร้อมกับเสียงโทรศัพท์จากกรมอุตุฯ ดังขึ้นประสานกันกับเสียงฝนฟาดกระจก

"ศูนย์กลางพายุจะลงตรงที่เราอยู่!" เสียงจากปลายสายยืนยันข่าวร้าย ดร.ลลิตาหันไปมองหัวหน้าศูนย์อพยพด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว

"เราต้องย้ายคนลงชั้นใต้ดินเดี๋ยวนี้!"

เจ้าหน้าที่รีบทำตามคำสั่ง เด็ก คนชรา และผู้หญิงถูกนำลงไปยังที่ปลอดภัยอย่างรวดเร็ว ในขณะที่เสียงพายุเริ่มดังขึ้นราวกับสัตว์ร้ายกำลังคำราม

ขณะเดียวกัน ที่สถานีข่าว NBT นักข่าวภาคสนามชื่อ "ปุณณภา" ยังคงรายงานท่ามกลางสายลมแรง เสื้อคลุมกันฝนของเธอปลิวสะบัดแต่แววตาไม่หวั่นไหว

"ขณะนี้เรายืนอยู่ที่แนวพายุซึ่งกำลังจะกระทบชายฝั่งภายใน 15 นาที สถานการณ์ค่อนข้างอันตราย..."

ทันใดนั้นเอง เธอหยุดชะงักเมื่อหูฟังข้างหนึ่งของเธอแผ่วเสียงประหลาด เหมือนเสียงผู้หญิงกระซิบ แต่แปลกที่ไม่ใช่เสียงจากศูนย์ควบคุม...

"ปุณณภา...หนีออกไป...เสียงของพายุไม่ใช่ธรรมชาติ...มันพูดได้...และมันกำลังโกรธ"

เธอเบิกตากว้าง เหลียวมองรอบตัว แต่ไม่มีใครได้ยินนอกจากเธอ

บนชั้นใต้ดินของศูนย์อพยพ ไฟดับลงอย่างกะทันหัน เด็กคนหนึ่งร้องไห้พร้อมชี้ไปที่ผนังที่สั่นสะเทือนราวกับมีบางสิ่งกระแทกจากภายนอก

"มันมากับพายุ...เสียงนั่นอีกแล้ว...แม่จ๋า เสียงผู้หญิงร้องไห้..."

ในความมืด ดร.ลลิตาพยายามใช้วิทยุสื่อสารแต่สัญญาณก็แทรกซ้อนด้วยเสียงกระซิบปริศนา

"มันมาเพื่อทวงคืน...สิ่งที่พวกเจ้าลืม..."

ไฟฉายสาดส่องไปยังผนังห้องใต้ดิน เผยให้เห็นลายคลื่นน้ำทะเลที่เรืองแสงสีฟ้าอ่อนๆ ค่อยๆ ปรากฏขึ้นเป็นตัวอักษร

"ผู้คนในเมืองนี้เคยสัญญา...จะไม่ลืมเสียงของวิภา"

เสียงสายฟ้าฟาดตามมาทันที หลังจากนั้นทุกอย่างก็มืดสนิท


รุ่งเช้า พายุสงบลงทิ้งไว้เพียงซากปรักหักพัง แต่ไม่มีผู้เสียชีวิตแม้แต่คนเดียว

บนชายหาด ท่ามกลางซากไม้และเศษซากบ้านเรือน ปุณณภาเจอเปลือกหอยสีฟ้าสดใสหนึ่งใบ วางอยู่เดี่ยวๆ ท่ามกลางทราย

เสียงในหูเธอแผ่วเบาอีกครั้ง เหมือนคำกระซิบจากสายลม

"ขอบคุณ...ที่ยังฟังเสียงของฉัน"

เธอยิ้มออกมาเบาๆ พลางมองออกไปยังขอบฟ้า

"พายุบางลูก...ไม่ได้มาเพียงเพื่อทำลาย แต่อาจมาเพื่อเตือนว่าเราเคยลืมใครบางคนไป..."

EP.3 – วันสิ้นสายฟ้า (End of the Storm)

[ยามเช้าเหนือซากเมืองหลวง พายุสงบ แต่ท้องฟ้ายังหม่นแสง]

เรน (นั่งอยู่บนซากตึกสูง มองฟ้าด้วยสายตาว่างเปล่า):
“พลังที่ปกป้อง...ก็เป็นพลังเดียวกับที่ทำลายได้สินะ”
"The same power that protects... can also destroy, huh."

โครว (เดินมาพร้อมกาแฟกระป๋อง):
“อย่าทำหน้าซึมแบบนั้นสิ นายยังไม่ตายซะหน่อย”
"Don’t look so gloomy. You're not dead yet, you know."

เรน:
“แต่ข้างในฉันเหมือน...ถูกเผาไปหมดแล้ว”
"But inside... I feel like I’ve already burned away."

โครว:
“โธ่เว้ย นายนี่มันตัวเอกโชเน็นเป๊ะเลย พูดแบบนี้คนอ่านจะคิดว่าใกล้จบแน่”
"Geez, you're textbook shonen protagonist now. Say stuff like that and the readers will know the end’s near."

[ฉากตัด – ภายในใจกลางแกนพลังงานของศูนย์บัญชาการที่ถูกทำลายบางส่วน]

อาเรีย (เสียงอ่อนแรงผ่านลำโพง):
“เรน... ถ้านายยังได้ยินอยู่ ฉัน... ขอโทษนะ ที่ลากนายเข้ามาในทั้งหมดนี้”
"Ren... if you can still hear me... I’m sorry. For dragging you into all this."

เรน:
“ไม่ใช่ความผิดเธอ อาเรีย... มันเป็นทางที่ฉันเลือกเอง”
"It’s not your fault, Aria... I chose this path myself."

โครว (แทรก):
“พูดจาน้ำเน่าแบบนี้อีกนิด ฉันจะร้องแล้วนะเฟ้ย”
"One more cheesy line like that and I swear I’m gonna cry."

[เสียงแทรกจากดาบสายฟ้าในมือเรน – ดาบอัสทรา (Astra)]

Astra (เสียงทุ้มแหบ):
“เวลาของเรากำลังจะหมด... จงปล่อยพลังออกไปทั้งหมด แม้ราคาคือชีวิต”
"Our time draws near... Release it all. Even if the price... is your life."

เรน (ยิ้มจาง ๆ):
“ฉันไม่เคยอยากเป็นเทพ ฉันแค่อยากให้คนได้ใช้ชีวิต...โดยไม่กลัวฟ้าอีกต่อไป”
"I never wanted to be a god. I just wanted people to live... without fearing the sky."

[ฉากตัด – ทีมของเรนเตรียมเคลื่อนย้ายผู้รอดชีวิตออกจากเขตเสี่ยง]

ทีน่า (ถือปืนสายฟ้าไหลแสง):
“รีบเลยทุกคน! เรนกำลังจะใช้ ‘ฟูลซาร์จ’ แล้ว!”
"Move it! Ren's about to go Full Surge!"

เด็กชายคนหนึ่ง:
“ฟูลซาร์จ...นั่นมัน...จะทำให้เขาหายไปใช่ไหม?”
"Full Surge... that means... he’ll disappear, right?"

โครว (กัดฟัน):
“อย่าพูดงั้นสิ...เขาแค่...เปลี่ยนเป็นแสง”
"Don’t say that... He’s just... becoming light."

[ฉากไคลแมกซ์ – เรนยืนบนจุดสูงสุดของโครงสร้างเหล็ก ดาบ Astra ส่องประกายแรงขึ้นเรื่อย ๆ]

เรน (พูดกับตัวเอง):
“ครั้งสุดท้ายแล้วนะ... ฟ้าของฉัน”
"One last time... my sky."

[ฟ้าผ่าลงตรงเรน แต่คราวนี้สายฟ้ากลับไม่ทำลาย เขา "กลืนกินมัน" และเปลี่ยนเป็นร่างพลังงานเรืองแสง สะกดทุกคนไว้]

Astra:
“เจ้าเลือกเส้นทางแห่งการเสียสละ... พลังนี้จะกลายเป็นแสงนำทางยุคใหม่”
"You chose the path of sacrifice... This power shall become the guiding light of a new age."


แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น